รถแข่ง Archive

ฮอนด้าหวนกลับสู่ตำแหน่งแชมป์ดาการ์แรลลี่อีกครั้งในรอบ 31 ปี

การแข่งขันรถประเภทแรลลี่นั้นสำหรับสนามที่ได้รับการยอมรับว่า เป็นรายการที่มีความหฤโหดมากที่สุดบนโลกใบนี้แล้วละก็คงจะไม่มีรายการไหนโหดไปกว่าดาการ์ แรลลี่อย่างแน่นอน และสำหรับการแข่งขันดาการ์ แรลลี่ 2020 ที่ได้มีการโยกย้ายสนามแข่งจากเดิมที่อยู่ในทวีปอเมริกาใต้มายังทวีปเอเชียของเรา โดยใช้ความโหดหินแห้งแล้งของทะเลทรายในประเทศซาอุดิอาระเบีย เป็นด่านความยากเพื่อทดสอบความแข็งแกร่งของรถและนักขับทั้งหลาย และในการแข่งขันดาการ์ แรลลี่นั้นสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจและน่าจดจำอย่างมากก็คือการที่ “ริกกี้ บราเบ็ค” นักบิดหนุ่มสัญชาติอเมริกันสามารถพาทีมฮอนด้ากลับสู่ตำแหน่งแชมป์รายการนี้ในประเภทจักรยานยนต์ได้สำเร็จอีกครั้ง หลังจากที่ห่างหายจากตำแหน่งแชมป์ไปนานถึง 31 ปี ซึ่งถือว่าเป็นช่วงเวลาแห่งการรอคอยที่ยาวนานมากเลยทีเดียว และเป็นความสำเร็จหลังจากที่ทีมโรงงานฮอนด้ากลับสู่รายการแข่งขันนี้อีกครั้งในรอบ 8 ปี สำหรับริกกี้ บราเบ็คจากทีมมอนสเตอร์ เอเนอร์จี้ ฮอนด้านั้นลงแข่งดาการ์ แรลลี่ 2020 โดยใช้ยานพาหนะคู่ใจคือ Honda CRF450 Rally และสามารถควบเจ้ารถคู่ใจเข้าป้ายมาเป็นอันดับหนึ่งหลังจากจบการแข่งขันบนเส้นทางหฤโหดและทอดยาวถึง 7,839 กิโลเมตร จากการแข่งขันรวมทั้งสิ้น 12 สเตท แถมยังใช้เวลาในการแข่งขันยาวนานถึงสองสัปดาห์อีกด้วย ซึ่งด้วยปัจจัยความยากต่าง ๆ ที่เป็นส่วนประกอบของการแข่งขันรายการนี้ แน่นอนว่าชัยชนะของแต่ละปีนั้นย่อมจะไม่มีคำว่าบังเอิญแน่ มันจะต้องมาจากสมรรถภาพของรถและฝีมือของนักขับเท่านั้นที่จะพาไปถึงเส้นชัยได้ ความสำเร็จในครั้งนี้ของทางบราเบ็คและฮอนด้านั้นถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมาก ทั้งในด้านของการยุติช่วงเวลาแห่งการรอคอยอันยาวนานของพวกเขาแล้ว การที่ฮอนด้าสามารถส่ง CRF450 Rally ลงแข่งและสามารถกำราบรถของค่ายเคทีเอ็ม ที่ถือว่าเป็นผู้ครองความเป็นเจ้าแห่งการแข่งขันแรลลี่มาอย่างยาวนาน และสามารถครองแชมป์มาแล้วมากถึง 18 สมัย ดังนั้นความสำเร็จในครั้งนี้มันจึงเป็นเหมือนเป็นการส่งสัญญาณแล้วว่าทางค่ายฮอนด้าพร้อมจะ ลงสู้ศึกในการแข่งขันทางฝุ่นแล้วอย่างเต็มตัว

ไทยแลนด์ ทาเลนท์ คัพ กับโอกาสการก้าวสู่เส้นทางนักบิดของเยาวชน

สำหรับการแข่งขันกีฬาประเภทความเร็วแล้วนั้นในประเทศไทยบ้านเรา การแข่งขันประเภทที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคงจะหนีไม่พ้นการแข่งขันจักรยานยนต์ทางเรียบนั่นเอง และมันก็ทำให้มีผลดีตามมาก็คือการที่ทำให้วงการนักบิดบ้านเรามีนักแข่งที่มีฝีมือเกิดขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง และที่สำคัญคือบรรดานักแข่งสายเลือดใหม่ที่กำลังเติบโตขึ้นมานั้น ดูเหมือนจะมีพัฒนาการที่ดีมากกว่าในอดีตอีกด้วย ซึ่งแน่นอนว่ามันทำให้พวกเขามีโอกาสที่จะก้าวไปสู่ระดับโลกได้มากขึ้นไปด้วยนั่นเอง สาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดการพัฒนาเหล่านี้ก็คือการที่เด็กรุ่นใหม่เหล่านี้ได้รับการสนับสนุนที่ดี ซึ่งมันทำให้พวกเขาได้เรียนรู้เทคนิคต่าง ๆ อย่างถูกต้องรวมทั้งการขับขี่ที่ปลอดภัยซึ่งเป็นส่วนที่สำคัญอย่างมากสำหรับกีฬาประเภทนี้ ซึ่งผลจากการถูกสอนมาอย่างถูกต้องก็คือการที่พวกเขาต่างพากันทำผลงานได้อย่างดีในรายการแข่งขันต่าง ๆ สำหรับรายการแข่งขันที่สำคัญที่สุดรายการหนึ่งของบรรดานักบิดวัยรุ่นก็คือรายการที่มีชื่อว่า “ไทยแลนด์ ทาเลนท์ คัพ” นั่นเอง เพราะนอกจากจะเป็นเวทีที่เปิดโอกาสให้กับนักแข่งวัยรุ่นที่มีอายุตั้งแต่ 13-18 ปี ได้ลงสนามแสดงฝีไม้ลายมือแล้ว ในการแข่งขันรายการนี้ยังมีการใช้รถในการแข่งเป็นรถโปรโตไทป์ Honda NSF250 ให้เด็ก ๆ ลงทำการแข่งขันอีกด้วย ซึ่งรถที่ใช้ในการแข่งขันนั้นเป็นสเป็คเดียวกันกับที่ใช้ในการแข่งขันโมโตทรีชิงแชมป์โลกอีกด้วย ซึ่งมันเป็นการวางรากฐานและสร้างความคุ้นเคยกับขนาดของรถให้กับเด็ก ๆ ได้เป็นอย่างดี ต้องบอกว่าการแข่งขันรายการนี้เป็นความสำเร็จอย่างมากสำหรับฮอนด้า ค่ายผู้ผลิตรถยักษ์ใหญ่ที่ให้ความสำคัญอย่างมากสำหรับการสร้างและพัฒนาฝีมือนักบิดรุ่นใหม่ในบ้านเรา โดยเฉพาะนักบิดวัยรุ่นจากโครงการ “เรซ ทู เดอะ ดรีม” ซึ่งเป็นโครงการปั้นนักแข่งรุ่นใหม่ของทางค่ายฮอนด้าเองนั้นสามารถทำผลงานได้อย่างน่าทึ่ง อย่างเช่นที่ผ่านมาไม่นานนี้ก็คือการแข่งขันไทยแลนด์ ทาเลนท์ คัพ 2020 สนาม 2 ที่สนามช้างเซอร์กิต จ.บุรีรัมย์นั้นสองนักบิดในสังกัดอย่างธนกร หลักหาญและจักกรีภัทร พฤฒิสารที่สามารถสร้างผลงานระดับมาสเตอร์พีชได้ทั้งสองคน โดยทั้งคู่ผลัดกันคว้าชัยมาครองได้ในการแข่งขันในสนามนี้ ซึ่งส่งผลให้ตัวของธนกร หลักหาญนั้นขึ้นไปนำอยู่บนตารางคะแนนรวม หลังการแข่งขันฤดูกาลนี้ผ่านไปแล้วสองสนาม และสำหรับแฟน ๆ

“เรซ ทู เดอะ ดรีม” ส่งผลผลิตสู่เวทีระดับทวีปยุโรป

นับเป็นสิ่งที่ช่วยยืนยันความสำเร็จของโครงการ “เรซ ทู เดอะ ดรีม” ของค่ายผู้ผลิตรถจักรยานยนต์ฮอนด้าได้เป็นอย่างดี สำหรับการที่มีนักแข่งที่เป็นผลผลิตโดยตรงจากโครงการ สามารถผ่านการคัดเลือกให้ลงทำการแข่งขันรายการใหญ่ในทวีปยุโรป คือรายการ ซีอีวี โมโตทรี จูเนียร์ และรายการเรดบูลล์ โมโตจีพี รุกกีส์ คัพ 2020 ที่กำลังจะทำการแข่งขันในเร็ว ๆ นี้หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 คลี่คลายลง ซึ่งนักแข่งจักรยานยนต์ทางเรียบของโครงการที่ได้รับการคัดเลือกในครั้งนี้ก็คือ “ก๊องส์” ธัชกร บัวศรี นักแข่งวัย 19 ปีจาก เอพี ฮอนด้านั่นเอง ซึ่งในปี 2020 นี้เขาได้รับคัดเลือกให้เข้าสู่รายการแข่งขัน ซีอีวี โมโตทรี จูเนียร์ เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ ภายใต้สังกัด “จูเนียร์ ทาเลนท์ ทีม” โดยจะใช้หมายเลข 33 ในการแข่งขัน รวมไปถึงได้รับสิทธิ์เป็นนักบิดคนแรกของประเทศไทยที่จะลงแข่งในการแข่งขันในรายการเรดบูลล์ โมโตจีพี รุกกีส์ คัพ 2020 ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเวทีที่เป็นทางผ่านขึ้นไปสู่การเป็นนักบิดระดับโลกของบรรดานักบิดชื่อดังหลายต่อหลายคน สำหรับผลงานที่ผ่านมาของธัชกร บัวศรีนั้นก็ต้องบอกว่าน่าสนใจและน่าจับตามองมากทีเดียว โดยในฤดูกาล 2019

ควันหลงหลังการชนที่น่าสะพรึงของการแข่งฟอร์มูล่า วัน ที่ทัสคัน กรังด์ปรีซ์

สำหรับการแข่งขันกีฬาประเภทที่วัดกันด้วยความเร็วแล้วนั้น สิ่งหนึ่งที่ตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็คือการเกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวชน และยิ่งถ้าการเฉี่ยวชนที่เกิดขึ้นนั้นมันเกิดกับกีฬาที่ได้ชื่อว่าเป็นเจ้าแห่งความเร็วที่สุดบนพื้นโลกอย่างการแข่งขันรถสูตรหนึ่งแล้วละก็ แน่นอนว่าสิ่งที่ตามมามันย่อมจะรุนแรงและอันตรายมากขึ้นตามไปด้วยอย่างแน่นอน และเมื่อไม่นานมานี้การเกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวชนที่น่ากลัวก็ได้เกิดขึ้น ในรายการแข่งขันทัสคัน กรังด์ปรีซ์ที่ประเทศอิตาลี ซึ่งเป็นผลให้นักขับถึง 4 คนต้องรีไทร์จากการแข่งขันเนื่องจากได้รับอาการบาดเจ็บ และทางสจ๊วต เอฟไอเอ ประจำศึกฟอร์มูล่าวันรายการทัสคัน กรังด์ปรีซ์ได้ออกจดหมายเตือนบรรดานักแข่งที่มีส่วนทำให้เกิดอุบัติเหตุครั้งนี้ ซึ่งนักแข่งที่ได้รับจดหมายเตือนนั้นก็ประกอบไปด้วยนักแข่งถึง 12 คนด้วยกัน ซึ่งก็มีชื่อของอเล็กซานเดอร์ อัลบอนรวมอยู่ในนั้นด้วยเช่นกัน ยังนับว่าโชคดีที่การเกิดอุบัติเหตุในครั้งนี้ไม่ได้ร้ายแรงถึงกับมีผู้เสียชีวิต จะมีบ้างก็แค่ได้รับบาดเจ็บและออกจากการแข่งขันเท่านั้น ซึ่งส่วนหนึ่งก็มาจากความปลอดภัยของรถฟอร์มูล่าวันนั้นค่อนข้างจะสูงมากเลยทีเดียว เพราะระบบรักษาความปลอดภัยเหล่านี้มันถูกออกแบบมาเพื่อรักษาชีวิตของนักขับที่ต้องทำความเร็วขึ้นไปสูงถึง 375 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเลยทีเดียว และแน่นอนว่าระบบเหล่านั้นคงจะไม่ใช่ราคาถูก ๆ อย่างแน่นอน ดังนั้นเมื่ออุบัติเหตุครั้งนี้ไม่มีการเสียหายถึงชีวิต แล้วมูลค่าความเสียหายจากการชนครั้งนี้ที่ทางแต่ละค่ายต้องจ่ายละจะมีราคาสักเท่าไหร่ เมื่อลองหันมามองที่ราคาค่าเสียหายแล้วบอกเลยว่าสยองไม่แพ้กัน เริ่มจากงบประมาณในการสร้างรถที่ได้ชื่อว่าเร็วที่สุดในโลกนั้นรวมทั้งคันอยู่ที่ 12.2 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทยก็ประมาณ 380 ล้านบาทเลยทีเดียว ซึ่งหากการเฉี่ยวชนนั้นไม่ได้ร้ายแรงอะไรมากและต้องเปลี่ยนอะไหล่แค่บางส่วนก็ดีหน่อย และราคาของอะไหล่แต่ละส่วนแบบแยกชิ้นก็จะมี ตัวเครื่องยนต์ซึ่งถือว่าเป็นหัวใจหลักของเอฟวัน ส่วนนี้มีราคา 7.5 ล้านดอลลาร์ ตัวถังที่เป็นเหมือนเกราะนิรภัยให้นักขับทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ ราคา 1.2 ล้านดอลลาร์, ระบบพับปีกหลัง ราคา 2 แสนดอลลาร์, ปีกหน้าหลังและกรวยด้านหน้ารวมกัน 6 แสนดอลลาร์, ถังน้ำมันเชื้อเพลิง

Honda CBR1000RR-R ประกาศศักดาคว้าแชมป์อย่างยิ่งใหญ่ที่ฝรั่งเศส

ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จอีกครั้งอย่างยิ่งใหญ่ของค่ายรถฮอนด้า สำหรับรายการแข่งขันรถมอเตอร์ไซค์ที่วัดความอึดระดับโลกที่ทำการแข่งขันกันตลอด 24 ชั่วโมง อย่างรายการ FIM Endurance World Championship 24 Houres Motors ประจำฤดูกาลแข่งขัน 2019-2020 ที่จัดการแข่งขันขึ้นที่สนามเลอมองส์ ประเทศฝรั่งเศส เมื่อไม่นานมานี้ เมื่อทีมแข่ง F.C.C. TSR Honda France ที่เป็นทีมแข่งอิสระที่มีชื่อเสียงระดับโลกในการแข่งประเภทเอ็นดูแรนส์มาอย่างยาวนาน โดยได้รับการสนับสนุนจากทางค่ายฮอนด้าเป็นอย่างดีโดยเฉพาะในเรื่องการถ่ายทอดเทคโนโลยีใหม่ ๆ ในการแข่งขันผ่านทางรถสมรรถนะสูงจากทางค่าย และในครั้งนี้ก็เช่นกันที่ทางฮอนด้าได้จัดซูเปอร์ไบค์รุ่นใหม่ล่าสุดของทางค่ายอย่าง Honda CBR1000RR-R ให้กับทีมแข่งอิสระทีมนี้ได้ใช้ลงทำการแข่งขัน และทาง F.C.C. TSR Honda France ก็ไม่ทำให้ทางค่ายฮอนด้าผิดหวังเมื่อสามารถพาซูเปอร์ไบค์ตัวใหม่ของฮอนด้า ประกาศศักดากระหึ่มโลกคว้าแชมป์รายการนี้มาครองได้สำเร็จ ซึ่งการคว้าแชมป์มาครองได้สำเร็จในครั้งนี้นับเป็นความสำเร็จครั้งที่สองในประวัติศาสตร์ ในฐานะค่ายผู้ผลิตรถจากแดนซามูไรอีกด้วย และมันเป็นการแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของเจ้า Honda CBR1000RR-R จรวดทางเรียบตัวใหม่แกะกล่องของพวกเขาอีกด้วย สำหรับซูเปอร์ไบค์ตัวใหม่อย่าง Honda CBR1000RR-R ก่อนที่จะประกาศศักดาด้วยการเป็นแชมป์นั้น ก็ต้องบอกว่าเป็นที่จับตาอย่างมากของบรรดานักบิดอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นด้านขุมกำลังที่ทรงพลัง ด้านดีไซน์ที่ปรับลุกใหม่ทั้งคัน รวมไปถึงระบบกันสะเทือนและอุปกรณ์ทางอากาศพลศาสตร์ที่ช่วยให้สามารถควบคุมรถได้ง่ายขึ้นอีกด้วย โดยเฉพาะด้านขุมพลังของเจ้า Honda CBR1000RR-R นั้นจัดหนักจัดเต็มมาด้วยเครื่องยนต์ขนาด

ขบวนรถแข่ง HONDA ในสนาม CHANG SUPER GT

GTA เจ้าของโปรแกรม Super GT จากญี่ปุ่น ร่วมลงนามสัญญากับสนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ซึ่งจะใช้สนามที่ จ.บุรีรัมย์ เป็นสนามแข่งหลักอย่างเป็นทางการ โดยเริ่มโปรแกรมแข่งขันในปี 2019 เป็นการสร้างความร่วมมือ “ไทย – ญี่ปุ่น” การแข่งขันระดับโลกนี้เคยจัดแข่งที่สนามช้าง จ.บุรีรัมย์ มาแล้วเมื่อปี 2014 สนามช้างจึงได้ถูกยกระดับเป็นสนามแข่งรถมาตรฐานโลก แห่งแรกของเมืองไทย แทนสนามเซปัง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ประเทศมาเลเซียเป็นการเปิดโลก Motor Sport ในเมืองไทย ด้วยรถแข่งที่ล้ำสมัยจึงมีทั้งแบรนด์ญี่ปุ่นและแบรนด์ยุโรปเข้ามาร่วมการแข่งขันเพื่อแสดงสมรรถภาพของรถ โดยเฉพาะจากค่ายแดนอาทิตย์อุทัยอย่าง HONDA ได้นำรถ HONDA NSX – GT มาโมดิฟายลงแข่งขันในสนามระดับโลกด้วย กองทัพ HONDA การแข่งขัน Super GT ที่สนามช้าง แบ่งการแข่งรถออกเป็น 2 รุ่นตามแรงม้า คือ GT300 และ GT500 ในปี 2018 HONDA

HONDA RACING FEST มากกว่าชัยชนะ

ถ้าพูดถึง HONDA RACING FEST ในวงการมอเตอร์สปอร์ตเป็นที่รู้กันดีว่าเป็นการจัดการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบที่จัดโดย บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) โดยการแข่งขัน HONDA RACING FEST ครั้งแรกในปี 2007 ที่สนามพีระ อินเตอร์เนชันแนล เซอร์กิต พัทยา จุดประสงค์ในการจัดการแข่งขันนี้ เพื่อแสดงสมรรถนะของรถยนต์ HONDA และพิสูจน์ฝีมือของนักแข่ง โดยมีสโลแกนว่า “มากกว่าชัยชนะ” หรือ MORE THAN THE VICTORY ภายในงานยังมีการจัดกิจกรรมที่หลากหลาย เพื่อให้ผู้ร่วมงานได้มีส่วนร่วมและสนุกสนาน โดยทาง HONDA ได้เชิญนักแข่งระดับประเทศ สมาชิกวงการมอเตอร์สปอร์ต คนบันเทิง และลูกค้าแฟนคลับ HONDA มาเข้าร่วมการแข่งขันด้วย การจัดการแข่งขันที่เป็นกันเองแบบพี่น้อง พร้อมยังได้ใกล้ชิดกับนักแข่งระดับแนวหน้าของเมืองไทย มอบโอกาส การจัดการแข่งขัน HONDA RACING FEST 2007 ครั้งแรกนี้ ใช้ชื่อว่า JAZZ ONE MAKE RACE โดยได้เปิดโอกาสให้

Rolling Start ต่างกับ Standing Start อย่างไร?

                กีฬามอเตอร์สปอร์ตเริ่มเป็นที่รู้จักกันมากขึ้นในประเทศไทย ไม่เฉพาะนักแข่งในวงการเท่านั้น ประชาชนทั่วไปยังให้ความสนใจในกีฬาที่ท้าทาย ความน่าหลงใหลในความเร็วของรถแต่ละค่ายทั้งเอเชียและยุโรป รูปลักษณ์ที่สวยงาม เครื่องยนต์ที่สามารถแต่งความเร็วเพิ่มเติมได้ ทำให้วงการมอเตอร์สปอร์ตของไทยเริ่มคึกคัก แม้สภาพเศรษฐกิจจะอยู่ในเกณฑ์ปานกลาง แต่ผู้ที่มีหัวใจนักแข่งก็พร้อมที่จะลงทุนเข้ามาร่วมชมการแข่งขันรายการต่าง ๆ ในทุกภูมิภาคจังหวัด การแข่งขันรถยนต์ทางเรียบเป็นกีฬามอเตอร์สปอร์ตที่ได้รับความนิยมจากคนไทยมากที่สุด อาจเป็นเพราะพื้นที่การแข่งขันที่กว้างขวาง รายการที่นิยมเป็นที่รู้จักคือ Super GT (Thailand Super Series) กติกาการแข่งขันที่เป็นระดับสากล มีนักแข่ง ทั่วโลกมาประเดิมสนามที่ประเทศไทยกันอย่างคับคั่ง เกร็ดความรู้ สำหรับผู้ที่เริ่มหลงใหลในกีฬามอเตอร์สปอร์ตนี้ เวลานำรถเข้าจุดพร้อมออกสตาร์ทนั้นจะมีสัญญาณบอกการปล่อยรถแข่ง 2 แบบ คือ แบบ Standing Start และ แบบ Rolling Start แล้วการปล่อยรถแข่งสองแบบนี้มันต่างกันยังไง Standing แปลว่า ยืน เข้าใจถูกต้องแล้วว่า Standing Start คือการจอดสตาร์ท แล้ว Rolling ล่ะ Rolling แปลว่า กลิ้ง หรือวิ่ง ใช่แล้ว การปล่อยสตาร์ทขณะรถกำลังวิ่งอยู่ งงกันละซิ วิ่งอยู่แล้วจะปล่อยรถยังไงในจุดสตาร์ท

รถแข่งแดนปลาดิบในรายการ TCR

รายการ TCR THAILAND เป็นรายการแข่งรถทางเรียบที่น่าติดตาม ซึ่งในรายการนี้ HONDA ได้นำรถ HONDA CIVIC TYPE R มาดัดแปลงโดยนักแต่งรถจาก JAS MOTORSPORT การออกแบบสปอยเลอร์และสเกิร์ตรอบคันตามหลัง AERODYNAMIC พร้อมปรับแต่งสีสันให้สะดุดตา และขยายล้อเพื่อเสริมสมรรถนะในการเกาะถนนของสนามแข่งได้ดีเยี่ยม ซึ่งจะเปิดตัวลงแข่งขันในรายการ TCR THAILAND ครั้งแรกเมื่อปี 2018 นี้มีทั้งแบบเกียร์ธรรมดาและแบบ Sequential Shift  เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร ในระดับความแรงที่ 329 แรงม้า ที่มีแรงบิดสูงสุดที่ 410 นิวตันเมตร สามารถทำคะแนนรวมได้เป็นอันดับ 2 ของฤดูกาล เปิดตัว HONDA CIVIC TCR ทีม ทีบีเอ็น เอ็มเค ไอเฮีย เรซซิ่งทีม ได้เปิดตัว HONDA CIVIC TCR หนึ่งในตัวแรงแห่งค่ายแดนปลาดิบ การโมดิฟาย HONDA CIVIC

Brio หนึ่งในรายการ One Make race

ในทุกสนามการแข่งขันกีฬามอเตอร์สปอร์ต ไม่ว่าการแข่งขันนั้นจะสนามเล็ก สนามใหญ่ หรือสนามระดับโลก ค่าย Honda จากแดนปลาดิบก็นำรถเข้าร่วมการแข่งขัน ร่วมประลองนวัตกรรมของตนเองทุกรายการไม่เคยพลาด ทั้ง GT, NSX, JAZZ หรือแม้กระทั่งเล็กพริกขี้หนูอย่าง Brio ทั้งรุ่น Honda Brio และ Brio Amaze ซึ่งเป็นรถ Super Eco ที่มีเครื่องยนต์เพียงแค่ 1200 cc รถ Eco Car ขนาดเล็กแต่อัดความแรงไว้เต็มเปี่ยมเปิดตัวลงแข่งในรายการ Thailand Super Series และรายการ Honda One Make Race ที่สนามช้างซึ่งเป็นสนามมาตรฐานโลกที่ จ.บุรีรัมย์ มาแล้ว โดยมีรางวัล Brio Super Cup เป็นเดิมพัน การตัดสินใจของ Honda ที่นำรถ Eco Car ขนาดเล็กมาทดสอบในสนามแข่งหลายรายการนี้ เป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้สาวก Honda ว่ารถทุกขนาดของค่ายจะมีความแรงอยู่ในทุกรุ่นอย่างแท้จริง