ไทยแลนด์ ทาเลนท์ คัพ กับโอกาสการก้าวสู่เส้นทางนักบิดของเยาวชน

สำหรับการแข่งขันกีฬาประเภทความเร็วแล้วนั้นในประเทศไทยบ้านเรา การแข่งขันประเภทที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคงจะหนีไม่พ้นการแข่งขันจักรยานยนต์ทางเรียบนั่นเอง และมันก็ทำให้มีผลดีตามมาก็คือการที่ทำให้วงการนักบิดบ้านเรามีนักแข่งที่มีฝีมือเกิดขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง และที่สำคัญคือบรรดานักแข่งสายเลือดใหม่ที่กำลังเติบโตขึ้นมานั้น ดูเหมือนจะมีพัฒนาการที่ดีมากกว่าในอดีตอีกด้วย ซึ่งแน่นอนว่ามันทำให้พวกเขามีโอกาสที่จะก้าวไปสู่ระดับโลกได้มากขึ้นไปด้วยนั่นเอง

สาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดการพัฒนาเหล่านี้ก็คือการที่เด็กรุ่นใหม่เหล่านี้ได้รับการสนับสนุนที่ดี ซึ่งมันทำให้พวกเขาได้เรียนรู้เทคนิคต่าง ๆ อย่างถูกต้องรวมทั้งการขับขี่ที่ปลอดภัยซึ่งเป็นส่วนที่สำคัญอย่างมากสำหรับกีฬาประเภทนี้ ซึ่งผลจากการถูกสอนมาอย่างถูกต้องก็คือการที่พวกเขาต่างพากันทำผลงานได้อย่างดีในรายการแข่งขันต่าง ๆ

สำหรับรายการแข่งขันที่สำคัญที่สุดรายการหนึ่งของบรรดานักบิดวัยรุ่นก็คือรายการที่มีชื่อว่า “ไทยแลนด์ ทาเลนท์ คัพ” นั่นเอง เพราะนอกจากจะเป็นเวทีที่เปิดโอกาสให้กับนักแข่งวัยรุ่นที่มีอายุตั้งแต่ 13-18 ปี ได้ลงสนามแสดงฝีไม้ลายมือแล้ว ในการแข่งขันรายการนี้ยังมีการใช้รถในการแข่งเป็นรถโปรโตไทป์ Honda NSF250 ให้เด็ก ๆ ลงทำการแข่งขันอีกด้วย ซึ่งรถที่ใช้ในการแข่งขันนั้นเป็นสเป็คเดียวกันกับที่ใช้ในการแข่งขันโมโตทรีชิงแชมป์โลกอีกด้วย ซึ่งมันเป็นการวางรากฐานและสร้างความคุ้นเคยกับขนาดของรถให้กับเด็ก ๆ ได้เป็นอย่างดี

ต้องบอกว่าการแข่งขันรายการนี้เป็นความสำเร็จอย่างมากสำหรับฮอนด้า ค่ายผู้ผลิตรถยักษ์ใหญ่ที่ให้ความสำคัญอย่างมากสำหรับการสร้างและพัฒนาฝีมือนักบิดรุ่นใหม่ในบ้านเรา โดยเฉพาะนักบิดวัยรุ่นจากโครงการ “เรซ ทู เดอะ ดรีม” ซึ่งเป็นโครงการปั้นนักแข่งรุ่นใหม่ของทางค่ายฮอนด้าเองนั้นสามารถทำผลงานได้อย่างน่าทึ่ง อย่างเช่นที่ผ่านมาไม่นานนี้ก็คือการแข่งขันไทยแลนด์ ทาเลนท์ คัพ 2020 สนาม 2 ที่สนามช้างเซอร์กิต จ.บุรีรัมย์นั้นสองนักบิดในสังกัดอย่างธนกร หลักหาญและจักกรีภัทร พฤฒิสารที่สามารถสร้างผลงานระดับมาสเตอร์พีชได้ทั้งสองคน โดยทั้งคู่ผลัดกันคว้าชัยมาครองได้ในการแข่งขันในสนามนี้ ซึ่งส่งผลให้ตัวของธนกร หลักหาญนั้นขึ้นไปนำอยู่บนตารางคะแนนรวม หลังการแข่งขันฤดูกาลนี้ผ่านไปแล้วสองสนาม และสำหรับแฟน ๆ ที่สนใจนั้น การแข่งขันสนามต่อไปก็จะยังคงแข่งที่สนามช้างเซอร์กิต ที่บุรีรัมย์อีกเช่นกัน

การแข่งขันในรายการนี้นับเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญอย่างมากสำหรับนักบิดสายเลือดใหม่ในบ้านเรา และอีกไม่นานเชื่อว่าเราจะได้เห็นผลผลิตจากโครงการ “เรซ ทู เดอะ ดรีม” ของฮอนด้า จะสามารถก้าวขึ้นไปเป็นนักบิดที่ประสบความสำเร็จในเวทีโลกและสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยต่อไปได้อีกหลายคน